Bonjour à tous ~♡ . ( ̄▽ ̄)~*สวัสดีค่ะเพื่อนๆ
ตอนแรกนู่หมีขี้บ่นตั้งใจว่าจะเขียนต่อจากตอนที่แล้วนั้นคือของฝากจากเมือง Reims แต่พอเหลือบตามองไปเห็นปฏิทิน
“อุ๊ตะ ⊙﹏⊙∥∣° เดือนกันยายนแล้วหรือนี่” ไม่นานก็จะเข้าหน้าหนาวแล้ว เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนคงวางแพลนมาเที่ยวยุโรป สัมผัสอากาศหนาวกันแน่ๆ
เลยต้องทำการเปลี่ยนเรื่องบ่นด่วน เพราะว่าวันนี้นู่หมีขี้บ่นขอนำเสนอแอปพลิเคชั่นที่จะช่วยให้เพื่อนๆเดินทางในปารีสได้อย่างกับโปร
ไม่ต้องกางแผนที่ เหมือนมาเที่ยวปารีสสวยๆ เริ่ดๆ ดั่งบ้านหลังที่สอง└(^o^)┘ แม้กระทั่งคนฝรั่งเศสก็ใช้แอปนี้ในการเดินทางเหมือนกัน
แต่ก่อนที่เราจะเข้ารายละเอียดเกี่ยวกับแอปนี้ นู่หมีขี้บ่น จะพาไปล้วงลึกถึงระบบขนส่งมวลชนของปารีสกันค่ะ
ระบบขนส่งมวลชนหลักๆที่เป็นที่นิยมในปารีสก็แบ่งออกเป็นดังนี้ค่ะ
1.
RER รถไฟด่วนชานเมือง เหมาะสำหรับเพื่อนๆ ที่จะไปเที่ยวนอกเมืองปารีส เช่นไปเที่ยวพระราชวังแวร์ซายน์
ดิสนีย์แลนด์ เอาท์เล็ท หรือว่าเดินทางไป-กลับสนามบิน CDG
2.
Metro รถไฟฟ้าใต้ดิน อันนี้อารมณ์แบบ BTS หรือ MRT
บ้านเราอ่ะค่ะ แต่ว่าครอบคลุมทั่วเมืองปารีสและชานเมืองนิดหน่อย
3.
Tramway รถราง อันนี้เป็นรถรางวิ่งรอบๆเมืองปารีส (โซน1)
4.
Bus รถเมล์ มีทั้งรถเมล์วิ่งกลางวันและกลางคืน
อ่ะอ่ะ เม้าส์ให้ฟังนิดนึงก็ได้ค่ะ จริงๆ แล้วระบบขนส่งมวลชนในเมืองปารีสเนี้ยมันเคยถูกจัดแบ่งเป็นโซน มีทั้งหมด 5 โซน ซึ่งราคาตั๋วก็จะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละโซน
อย่างเมื่อก่อนนี้นู่หมีขี้บ่นพักอยู่ในปารีสก็จะซื้อตั๋วรถไฟวิ่งแค่ในระยะโซน
1 ซึ่งโซน 1 คือในตัวเมืองปารีส แต่ถ้าวันไหนอารมณ์เปลี่ยวเหงาอยากเม้าส์มอยก็จะไปหาเพื่อนที่บ้านอยู่นอกเมืองโซน 3 นู่หมีขี้บ่นต้องซื้อตั๋วใหม่ ไม่สามารถใช้ตั๋วที่มีอยู่ได้
หรือ ถ้าอยากจะไปให้เจ้าชายจุมพิตที่ดิสนีย์แลนด์ ก็ต้องซื้อตั๋วใหม่
เพราะดิสนีย์แลนด์อยู่โซน 5 (ตั๋วไปถึงโซน5 แพงมากกกกกกก //(ㄒoㄒ)//
แต่ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วเค้าได้ยกเลิกระบบโซนแล้วค่ะ คิดเหมาราคาเดียวกันเลย ไม่ว่าจะไปหาเพื่อนโซน 3 หรือดิสนีย์แลนด์โซน 5 ก็ไปได้เลยใช้ตั๋วเดียวกันเลย (แต่นู่หมีขี้บ่นก็จ่ายแพงขึ้นกว่าเมื่อก่อนนิดหน่อยค่ะ)
![]() |
จากภาพจะเห็นว่าพื้นที่จะถูกแบ่งเป็นโซน 1-5 และรถไฟที่วิ่งระหว่างโซนคือรถไฟด่วนชานเมืองRER
|
![]() |
สำหรับการเดินทางในตัวเมืองปารีสจะใช้รถไฟฟ้าใต้ดินเป็นหลักอยู่ในโซน1 |
ทีนี้ก่อนเราออกเดินทางท่องเที่ยวในปารีสก็ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นกันซะก่อน
แอปนี้ชื่อว่า “RATP” ออกเสียงว่า
แอค์ เอ เต เป เป็นชื่อระบบขนส่งมวลขนในปารีส ย่อมาจาก The
Régie Autonome des Transports Parisiens
![]() |
หน้าตาแบบนี้ค่ะ อย่ารอช้าโหลดเลยค่ะ ไม่ต้องห่วงค่ะ ฟรี |
สำหรับการใช้งานก็ง่ายๆค่ะ แต่ แต่ แต่ แต่ เมื่อเดินทางมาถึงแล้วต้องมีสัญญาณอินเตอร์เน็ตนะค่ะ
มาลองใข้งานกันเลยดีกว่า สมมุติว่าวันนี้จะไปช้อปปิ้งที่ห้าง
Printemps กัน
1.
From ก็ให้เป็น current location หรือจะใส่ที่อยู่ที่พักของเพื่อนๆได้เลย
2.
To ก็ใส่สถานที่จะไป ให้ใส่เป็นที่อยู่นะค่ะ (>﹏<)
ไม่ใช่จะไปช้อปปิ้งที่ห้าง Printemps ก็ใส่ชื่อห้าง
ให้ถามที่อยู่กับอากู๋ก่อน (Google) แล้วค่อยใส่ที่อยู่ตรง To (64, Boulevard
Haussmann 75009)
3.
กดปุ่ม Search
จากรูปจะทำให้เห็นว่ามี2ทางเลือกในการเดินทาง
วิธีแรก นั่งรถเมล์ แล้วก็ไปต่อรถไฟ RER
ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 19 นาทีต้องเดินประมาณ 9 นาที
วิธีสอง รถไฟฟ้าใต้ดินสองสายคือ สาย 2 ไปต่อสาย 13 ใช้เวลาทั้งหมด 25 นาทีต้องเดินประมาณ 14 นาที
ที่นี่เราก็คลิกเข้าไปก็จะเห็นรายละเอียดในการเดินทางพร้อมแผนที่
เพื่อนๆสามารถขยายแผนที่ได้นะคะจะได้เห็นว่าต้องไปขึ้นรถเมล์ตรงไหน
|
จุดสีฟ้าคือจุดที่นู่หมีขี้บ่นยืนอยู่
จุดสีเขียวคือป้ายรถเมล์
|
ทีนี้มาดูวิธีอ่านการเดินทางกัน
- ขึ้นรถเมล์สาย 302 ที่ป้าย Saint-Bruno ปลายทาง Gard
du Nord นั่งไปสามป้ายรถเมล์ ใช้เวลา4 นาที
เพื่อนๆ ลองคลิกที่ drop list menu ก็จะเห็นรายชื่อป้ายรถเมล์ที่จะต้องผ่านก่อนลงที่
Gard Du Nord
-
เดินตามแผนที่ เพื่อไปขึ้นรถไฟด่วน RER สาย E ที่ Magenta
ปลายทางHaussmann-Saint-Lazare
-
นั่งไปหนึ่งสถานี ใช้เวลาห้านาที และลงที่ Haussmann-Saint-Lazare
-
แล้วก็เดินตามทางสีเทาอีก4นาทีก็จะถึงห้างค่ะ
ซึ่งก็ดูวิธีเดินไปตามแผนที่ได้เลยค่ะ
![]() |
วิธีที่หนึ่งเนี้ยต้องใช้ตั๋วสองใบ เพราะรถเมล์กับ RER E ไม่ได้มีสถานีเชื่อมกัน
|
![]() |
วิธีที่สอง นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 2 แล้วก็ไปต่อสาย
13
|
รถไฟฟ้าใต้ดินสาย 2 สามารถเปลี่ยนไปสาย 13 ได้ที่สถานีนี้
|
วิธีนี้จะใช้ตั๋วแค่ใบเดียว เพราะรถไฟฟ้าใต้ดินมีสถานีเชื่อมต่อกันโดยไม่ต้องเดินออกมา
อารมณ์เหมือนสถานีสยามบ้านเราที่ไว้ใช้เปลี่ยนสายสีลมไปสายสุขุมวิทแหละค่ะ
มาดูรายละเอียดกันเลย
-
ต้องเดินทางจากบ้านไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินที่สถานี La
Chapelle 7 นาที
-
ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 2 ปลายทาง Porte
Dauphine นั่งไป 5 สถานี
-
เหมือนเดิมค่ะเพื่อนๆ สามารถขยายรายละเอียดได้ว่าเราต้องนั่งผ่านสถานีชื่อว่าอะไรบ้าง
แล้วก็ลงที่ Place de Clichy ใช้เวลา 7 นาที
-
เมื่อออกมาจากรถไฟฟ้าแล้วมองหาป้ายรถไฟฟ้าใต้ดินสาย
13 เดินตามทางไปเรื่อย จะมีป้ายบอกอย่างชัดเจน
-
ที่นี่เราก็ต้องให้แน่ใจว่าเดินไปขึ้นฝั่งที่ปลายทางไป
Chatillon Montrouge
-
นั่งไปสองสถานีลงสถานีที่ชื่อว่า Saint-Lazare
-
เมื่อออกมาจากสถานีแล้วเดินต่ออีกห้านาทีก็จะถึงจุดหมายปลายทางของเราค่ะ
เพื่อนๆ ก็ขยายแผนที่ดูวิธีเดินได้เลยค่ะ
ที่นู่หมีขี้บ่นบอกว่าเดินตามป้ายไปเรื่อยๆจะเห็นชัดเจนมาก
หน้าตาแบบนี้ค่ะ
![]() |
อย่างภาพนี้จะเห็นว่าทางเดินเพื่อเปลี่ยนไปสาย 10 และทางออก
เดินตรงไปตามลูกศร ป้ายจะชัดเจนแบบนี้เลยค่ะ
(Sortie แปลว่าทางออก) \\*^o^*//
|
ที่นี่เมื่อเพื่อนๆมาถึงปลายทางแล้ว บางสถานีไม่ได้มีทางออกเดียว
มีหลายทางออกเยอะแยะเลยแบบนี้
“อุ๊ตะ 〒_〒 มีประตูทางออกให้เลือก 8 ทาง” |
ไม่ต้องตกใจค่ะ ลองหันซ้ายหรือขวา จะเห็นแผนที่ทางออกแบบนี้ค่ะ
ก็ลองดูกับแผนที่ประกอบในแอปพลิเคชั่นว่าต้องออกที่ถนนไหน
เพื่อนๆก็เลือกทางออกที่ใกล้จุดหมายปลายทางที่สุด
|
ทีนี้เราลองย้อนกลับไปอีกนิดหนึ่ง ตอนที่เพื่อนๆ ใส่ที่อยู่แล้วก่อนที่คลิก Search เพื่อนๆ จะเห็นว่ามี Option ให้เลือก หน้าตาก็จะเป็นแบบนี้ เพื่อนๆ สามารถเลือกว่าจะเดินทางแบบไหน อยากโดยสารแต่รถไฟฟ้าใต้ดิน หรือ รถเมล์ด้วย อย่างในภาพหมีเลือกทั้งรถเมล์และรถไฟฟ้าใต้ดิน ในสี่เหลี่ยมหมายเลข 1
![]() |
ที่นี่เพื่อนๆ จะสังเกตได้ว่ามีอีกสาม Option ให้เลือกด้านล่างสีเหลี่ยมหมายเลข
2
|
Fastest คือวิธีที่เดินทางได้เร็วที่สุด ปกติถ้าไม่ได้เลือกอะไร
แอปจะคำนวนวิธีเดินทางที่เร็วที่สุดให้
Changes คือเปลี่ยนสถานีน้อยที่สุด ก็จะโดยสารน้อยมากประหยัดตั๋วแต่ก็จะเห็นว่าเดินเยอะขึ้น
Walking คือเดินน้อยที่สุด อันนี้บอกเลยว่านั่งรถหลายต่อมาก
เพราะแอปจะคำนวนแบบว่าแทบไม่ต้องเดินเลย แต่ก็เสียตั๋วอานนะจ๊ะ (。→‿←。)
ทีนี้มาดูฟังชั่น Leave now กันบ้าง เมื่อคลิกแล้วหน้าตาก็จะเป็นแบบนี้
เมื่อคลิกแล้วจะมีoption ให้เลือกอีกสามoption คือ Leave
after, Arrive และ Now
แหนะ...พูดแบบนี้เพื่อนๆ
พอจะเดาออกกันแล้วใช่มั้ยคะว่าเจ้าแอปนี้จะต้องมี option ค้นหาเส้นทางเพื่อคำนวนเวลาสำหรับการเดินทางวันมะรืนมะพรุ่งกันด้วย
... กดสิคะ รออะไร...ไปค่ะ!!!” └(^o^)┘
Leave after ก็คือว่าออกเดินทางหลังกี่โมง
Arrive before คือกำหนดว่าต้องถึงตามเวลาที่เพื่อนๆ กำหนด สมมุติว่าจะเดินทางให้ไปถึงพรุ่งนี้ก่อนเก้าโมง
เลือกวันที่และเวลาเสร็จแล้วกดปุ่มนี้
แอปก็จะคำนวนให้เพื่อนๆเสร็จสรรพว่าต้องออกเดินทางตั้งแต่ 8:32 เพื่อจะถึงตอน
8:58
ก็ก่อนเก้าโมงที่เรากำหนดไว้ วิธีเดินทางก็จะเปลี่ยนไปด้วย
Now คือเลือกว่าจะเดินทางตอนนี้เลย
ต่อมาสมมุติว่าช้อปปิ้งเสร็จล่ะจะไปถ่ายรูปสวยๆ ที่ประตูชัย Arc
de Triomphe
ทีนี้ปัญหาของเราก็คือประตูชัยไม่มีที่อยู่ทำไงดีล่ะ เพื่อนๆ ก็ต้องไปถามอากู๋ก่อนค่ะว่าต้องลงสถานีไหน
แล้วอากู๋ตอบว่าลงสถานีชื่อว่า Charles
de Gaulle Etoile ซิจ๊ะ ╮(╯▽╰)╭
-
ก็ใส่ชื่อสถานีไปตรงช่อง
To เพื่อนๆจะเห็นว่าที่สถานี Charles
de Gaulle Etoile มีรถไฟฟ้าใต้ดินสาย
2 และ 6 และรถเมล์สาย 341 ผ่าน
แล้วก็คลิกที่ชื่อสถานี แล้วก็ Search
แอปก็ให้วิธีเดินทางมา 2 วิธีคือรถถเมล์สาย 22 และ
รถไฟฟ้าด่วน RER สาย A
เนื่องจากตอนนี้เราช้อปปิ้งอยู่ที่ Printemps นะคะ จะเห็นว่าแอปบอกเราว่าระยะเดินไปป้ายรถเมล์เป็นศูนย์
ไม่ต้องตกใจนะจ๊ะ เพราะป้ายที่มีรถเมล์สาย 22 ผ่าน อยู่หน้าห้างนี่เอง
(ใกล้กว่านี้เป็นงูนี่ฉกนู๋หมีตายไปบ่นกับท่านยมมี่แล้วค่ะ
แล้วก็นั่งรถเมล์ไป 7 ป้ายตามละเอียดที่ระบุให้แอปได้เลยค่ะ
แต่เราก็คงไม่โชคดีเสมอไปที่ป้ายรถเมล์ที่เราจะโดยสารอยู่ตรงบริเวณที่เรายืนอยู่พอดี
นู่หมีขี้บ่นจะบอกวิธีที่จะทำให้หาป้ายรถเมล์ได้ง่ายขึ้นค่ะ
ไปที่ปุ่ม Menu อยู่ด้านบนซ้ายและเลือก Around
![]() |
เห็นไหมค่ะว่ามีสัญลักษณ์ป้ายรถเมล์ในบริเวณนั้นเยอะมาก
ไม่ใช่แค่ป้ายรถเมล์นะคะ รถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟฟ้าด่วน RER ก็มี
|
เพื่อนๆ ก็ขยายเลยค่ะ หน้าตาออกมาเป็นแบบนี้
ก็คลิกสัญลักษณ์ป้ายรถเมล์ คลิกมันเลยค่ะ คลิกมันทุกอันเลย
คลิกจนกว่าจะเจอสายที่เราจะไปและต้องให้แน่ใจด้วยว่าปลายทางเดียวกับที่เราจะไป แถมทางด้านขวาก็ยังระบุให้ด้วยว่ารถเมล์จะมาถึงป้ายนี้ในอีกกี่นาที
เพื่อนๆ ก็เดินไปรอที่ป้ายรถเมล์นั้นได้เลยค่ะ
ป้ายรถเมล์ก็หน้าตาก็ประมาณนี้ค่ะ
มีชื่อป้าย มีหมายเลขรถเมล์ที่จอดป้ายนี้และใต้หมายเลขจะบอกสถานีปลายทางของแต่ละหมายเลข
มีชื่อป้าย มีหมายเลขรถเมล์ที่จอดป้ายนี้และใต้หมายเลขจะบอกสถานีปลายทางของแต่ละหมายเลข
Home กับ Route ก็คือหน้าแรกที่เราเปิดมา
Schedule ถ้าเพื่อนๆ อยากรู้ว่ารถเมล์จะมาอีกกี่นาที ก็ไปที่ Option นี้เลยค่ะ
เลือกสายรถที่เราจะขึ้น เลือกสถานี ก็จะเห็นว่าอีกกี่นาทีรถจะมาถึง
จะได้ไม่ต้องรีบออกจากบ้านไปรอเก้อ เหมือนรอพี่มากที่ท่าน้ำ
Around ตรงนี้ก็จะช่วยให้เห็นว่าบริเวณนั้น มีป้ายรถเมล์ รถไฟฟ้าใต้ดิน อยู่ตรงไหน
Maps อันนี้ก็เป็นแผนที่ทำให้เห็นภาพรวมๆ มีทั้งแผนที่รถไฟฟ้าใต้ดิน
และรถไฟด่วน RER แล้วก็รถเมล์ และรถเมล์กลางคืน
Line อันนี้ก็เห็นว่าแต่ละสายไปไหน ผ่านสถานีไหน
มีจุดเปลี่ยนไปสายอื่นที่สถานีไหน
Station อันนี้จะทำหน้าที่คล้ายกับ Schedule แต่ว่าจะเลือกจากชื่อสถานีได้เลย
Service status & alerts อันนี้ก็จะมีประโยชน์ตรงนี้ถ้าสถานีไหนมีปัญหาก็จะขึ้น
Alert หรือสถานีไหนปิดซ่อมบำรุง
ข้อแนะนำ ( ̄<  ̄)
1.
ถ้าแอปบอกว่าใช้เวลาเดินทางประมาณ10-20นาที แนะนำว่าเดินเถอะค่ะ
ประหยัดด้วย
2.
คำนวนให้ดีก่อนเดินทางถ้าคิดว่าต้องใช้ตั๋วเกิน 8 ใบต่อวันค่อยซื้อตั๋วแบบ
one day unlimited เพราะตั๋วปกติมีสิบใบราคา 14.50 ตั๋วแบบเดินทางภายในวันเดียวราคา 11.65
แต่จะเดินทางได้แค่ภายในโซน 1 ถึงโซน 3 แค่นั้น เพื่อนๆจะใช้ตั๋วนี้ไปถึงดิสนีย์แลนด์หรือพระราชวังแวร์ซายไม่ได้นะคะ
ต้องซื้อตั๋วใหม่อยู่ดี ยกตัวอย่างตอนที่ที่บ้านนู่หมีขี้บ่นมาหาที่ปารีส
จัดโปรแกรมไปเที่ยวแบบอัดเช้ายันเย็น ใช้ตั๋วก็ไม่ถึง 7 ใบต่อคน
ถ้าวางแผนดีๆ ดูแผนที่สถานที่ท่องเที่ยวในปารีสดีๆ มันสามารถเดินต่อไปได้เรื่อยๆ ค่ะ
ไม่ไกลจากกันเลย
นู่หมีขี้บ่นมีสองเส้นทางเดินแนะนำ
เริ่มที่ Hotel de Ville => โบสถ์ Notre Dame => Palais de Justice => Saint Michel => สวน Luxumbourg
เส้นทางที่สอง เริ่มที่ ห้าง Printemps => Opera => Medelaine => แวะช็อปกระเป๋าแอร์เมสที่
Rue du Faubourg Saint-Honoré และชาแนลที่ ave cambon => Concord =>
ใครมีแรงเดินต่อจะมาจบที่นี่ก็ได้ Champ Elysees
แต่ละเส้นทางเดินนี่ก็ปาไปเกินครึ่งวันแล้วค่ะ
ใช้ตัวสองใบ ไปและกลับจากที่พัก
3.
พยายามเลือกการเดินทางแบบอย่างเดียว
ไม่ใช่รถเมล์แล้วต่อ Metro เพราะเท่ากับว่าเพื่อนๆ ต้องเสียตั๋วเพิ่มอีกใบเป็นสองใบ
4.
รถไฟฟ้าใต้ดินต่อรถไฟฟ้าใต้ดิน ได้ใช้ตั่วใบเดียว
ตราบใดยังไม่เดินออกมาจากสถานี เหมือนเมืองไทยแหละค่ะ
5.
ถ้าโดยสารรถเมล์ต้องเสียตั๋วทุกครั้งที่ขึ้นนะคะ
ขึ้นรถเมล์สองต่อ ก็เสียตั๋วสองใบนะค่ะ ไม่เหมือนกับรถไฟฟ้าใต้ดิน
6.
แอปนี้ใข้สำหรับเดินทางให้ปารีสเท่านั้นนะคะ เมืองอื่นไม่ได้นะคะ
เมืองอื่นเค้าก็จะมีแอปของเค้าเอง
7.
อย่าทิ้งตั๋วเด็ดขาด
ถ้ายังอยู่ในรถโดยสาร เพราะอาจจะเจอ jackpot คือเจอเจ้าหน้าที่ตรวจบัตร
ถ้าไม่มีให้เค้าตรวจก็จ่ายเงินสดไปเลยค่ะประมาณ 30 euro ‵(*>﹏<*)′ อันนี้ราคาเมื่อเกือบสองปีที่แล้วนะ
ตอนนี้นู่หมีขี้บ่นไม่รู้ล่ะว่าเท่าไหร่ และก็ไม่อยากรู้ด้วย อิอิอิ
ระบบขนส่งสาธารณะของที่นี่สะดวกมากค่ะ เร็วด้วย รถยนต์ส่วนตัวไม่มีก็ไม่เดือนร้อน
การนั่งรถเมล์ก็ไม่ยากนะคะ ส่วนตัวชอบด้วย เพราะเหมือนได้นั่งรถชมเมืองไปเรื่อยๆ
ปารีสสถาปัตยกรรมสวยงามจะตาย และยิ่งมีแอปนี้ช่วยอำนวยความสะดวก แค่นี้พวกเราก็จะสามารถเดินทางได้เหมือน
local แล้ว ★(◕‿◕❀)
ถ้าเพื่อนๆมีคำถามสงสัย ตรงไหนก็สอบถามเข้ามาได้นะค่ะ ยินดีตอบทุกคำถามเลย
ถ้าจะให้น่ารักเข้าไปยิ่งขึ้นก็ขอฝากบล็อกนี้อยู่ในอ้อมใจด้วยนะค่ะ (ลิเกจริงเรา ∩_∩)
รับรองว่าจะมีเรื่องราวเด็ดๆมาบ่นให้ฟังกันอีกเรื่อยๆ แน่นอนค่ะ
ฝากติดตามกันด้วยนะค่ะ
กราบงามๆ 3 ที
= ̄ω ̄=
= ̄ω ̄=